มาเลือกรางน้ำฝนให้เหมาะกับบ้านเรากันเถอะ
เมื่อได้รู้จักกับรางน้ำฝนกันไปแล้ว คงเห็นกันแล้วว่ารางน้ำฝนนั้นเป็นตัวช่วยหนึ่งที่สำคัญของบ้านที่จะละเลยกันไม่ได้ แต่รางน้ำฝนนั้นก็มีหลายประเภท และแต่ละประเภทก็มีข้อดีข้อเสียเหมาะสมกับการใช้งานแตกต่างกันออกไป แล้วเราจะเลือกรางน้ำฝนกันอย่างไรดี วันนี้ แสงทองรางน้ำ จึงมีวิธีเลือกประเภทรางน้ำฝนให้เหมาะกับความต้องการใช้งานของแต่ละบ้านมาฝากกัน
รางน้ำฝนโดยทั่วไปมีหลากหลายประเภท โดยสามารถแบ่งประเภทของรางน้ำฝนได้จากวัสดุที่ใช้งาน รางน้ำฝนแต่ละประเภทจะมีลักษณะรูปแบบและราคาที่แตกต่างกันไป ดังนี้
1. รางน้ำฝนสเตนเลส
รางน้ำฝนที่ใช้วัสดุสเตนเลสมีความคงทนสูง หมดกังวลเรื่องสนิม ควรเลือกใช้สเตนเลสเกรดดีที่มีความหนา ทนทาน มีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนได้ช่วยป้องกันการเกิดสนิมได้ในระยะยาว และไม่ควรทาสีทับสเตนเลสเพราะจะทำให้คุณบัติทนต่อการกัดกร่อนลดลง ควรใช้เป็นสีธรรมชาติของวัสดุ รางน้ำฝนสเตนเลสมีอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 ปี เพราะแข็งแรง ทนทาน แต่มีจุดควรระวังคือจุดเชื่อมหรือจุดพับ รอยต่อต่างๆ เพื่อความมั่นใจในคุณภาพของรางน้ำฝนสเตนเลส จึงควรเลือกใช้รางน้ำฝนสเตนเลสและอุปกรณ์ประกอบติดตั้งจากโรงงานหรือผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ มีความชำนาญในการผลิตและเชื่อมต่อที่ได้มาตรฐาน และควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญในงานด้านสเตนเลสโดยเฉพาะเป็นผู้ติดตั้งเพื่อให้รางน้ำฝนแข็งแรง ทนทานนานยิ่งขึ้น
2. รางน้ำฝนสังกะสี
รางน้ำฝนที่ผลิตจากวัสดุสังกะสี แม้ในปัจจุบันจะมีตัวเลือกวัสดุรางน้ำให้เลือกได้อย่างหลากหลาย แต่รางน้ำฝนสังกะสีก็ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมงบประมาณในการติดตั้งรางน้ำฝน เพราะรางน้ำฝนสังกะสีเป็นรางน้ำฝนที่รับความนิยมใช้งานกันมาอย่างยาวนานทำให้หาช่างรับเหมาติดตั้งได้ง่าย รางน้ำฝนสังกะสีมีให้เลือกหลายขนาด แต่ควรเลือกสังกะสีที่มีความหนา 0.5 มิลลเมตรขึ้นไปจะทำให้ได้รางน้ำฝนที่แข็งแรงมากกว่า แต่สิ่งที่ต้องแลกมากกับการประหยัดต้นทุนก็คือรางน้ำฝนสังกะสีจะมีอายุการใช้งานสั้นกว่ารางน้ำฝนประเภทอื่นๆ อาจเกิดปัญหาการรั่วซึมหรือเกิดสนิมได้ และอาจมีเสียงดังรบกวนเวลาฝนตกได้
3. รางน้ำฝนไวนิล
รางน้ำฝนไวนิลเป็นเทคโนโลยีการผลิตรางน้ำฝนสมัยใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน รางน้ำฝนไวนิลผลิตจากพลาสติก หรือ uPVC มีคุณสมบัติยืดหยุ่น ทนทาน ไม่บิดงอไม่เป็นสนิมตลอดอายุการใช้งาน และรางน้ำฝนไวนิลมีสีสันให้เลือกหลากหลายที่สามารถเข้าได้กับทุกสไตล์บ้าน ในเรื่องความแข็งแรงทนทานนั้น รางน้ำฝนไวนิลสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานกว่า 10 ปี แต่ถึงแม้ว่ารางน้ำฝนไวนิลสามารถติดตั้งได้ง่ายกว่ารางน้ำฝนสเตนเลส ก็ยังจำเป็นต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ติดตั้ง ซึ่งถ้าหากขั้นตอนการติดตั้งไม่สมบูรณ์ ก็มักจะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการระบายน้ำลดลงเช่นกัน
จะเห็นได้ว่ารางน้ำฝนที่ผลิตจากวัสดุแต่ละประเภทนั้นก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ดังนั้นควรพิจารณาเลือกประเภทรางน้ำฝนให้เหมาะกับความต้องการใช้งาน ควรพิจารณาในรอบด้าน ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย ความคุ้มค่า การติดตั้ง และความสวยงาม และสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเลือกรางน้ำฝนคือการเลือกใช้งานรางน้ำฝนที่ผลิตจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐานและความชำนาญในการผลิต และควรติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อติดตั้งรางน้ำฝนแล้วจะสามารถใช้งานได้ยาวนาน คุ้มค่าใช้จ่ายที่สุด